หลวงปู่บัว ถามโก วัดศรีบุรพาราม จังหวัดตราด
ประวัติโดยคร่าว ๆ ของหลวงปู่บัว ถามโกและวัดศรีบุรพาราม
............... วัดศรีบุรพาราม หรือ วัดเกาะ ตะเคียน หมู่ 1 ต.วังกะแจะ อ.เมือง จ.ตราด เป็นอีกหนึ่งสถานที่น่าเลื่อมใสในดินแดนภาคตะวันออกของประเทศไทย หากเอ่ยชื่อวัดในภาคอื่น ๆ น้อยคนนักที่จะเคยได้ยินชื่อหรือรู้จัก แต่หากเป็นคนพื้นเพใกล้เคียง แม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านล้วนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ใน “ของดี” ของวัดแห่งนี้เลื่องลือไปทั่วแดนตะวันออกเดิมวัดศรีบูรพารามเป็นสำนักสงฆ์เล็ก ๆ มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาอยู่เพียงไม่กี่รูป จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2500 มีญาติโยมและชาวบ้านที่ศรัทธาบริจาคทุนทรัพย์ก่อสร้างเป็นวัดขึ้นมาใช้ชื่อว่า “วัดเกาะตะเคียน” ทำการฝังลูกนิมิตเมื่อปี พ.ศ. 2524 และมีการพัฒนาเรื่อยมาจนเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดศรีบูรพาราม” จวบจนปัจจุบัน
วัดแห่งนี้มีเจ้าอาวาสรูปแรกและปัจจุบันคือ พระครูสังฆกิจบูรพา หรือ พระอาจารย์บัว อายุ 86 ปี เดิมนั้นท่านชื่อ บัว มารศวารี เกิดวันเสาร์เดือน 5 ปีขาล ตรงกับขึ้น 13 ค่ำ เดือน 5 พ.ศ. 2469 เป็นบุตรของ นายเชี๋ยและนางเตี่ยน ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 3 ต.วังกะแจะ อ.เมือง จ.ตราด ตั้งแต่วัยหนุ่มท่านชอบศึกษาความรู้เกี่ยวกับยาสมุนไพรและเชี่ยวชาญด้านช่างไม้ ช่างปูน ช่างปั้น จวบจนอายุครบ 23 ปี ก็อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดบุบผาราม ต.วังกะแจะ โดยมีพระครูคุณวุฒิพิเศษ วัดบุบผารามเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูวัตรรัตนวงษ์สิทธิ์ วัดหนองบัว เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมเรื่อยมา จนใน พ.ศ. 2505 ก็ย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดเกาะตะเคียน พ.ศ. 2508 สอบได้ชั้นนักธรรมเอก และ พ.ศ. 2513 เลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระครูสังฆกิจบูรพา ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลวังกะแจะ
“สมัยก่อนการศึกษาด้านภาษาบาลียังไม่แพร่หลายมากนัก ขาดครูผู้สอน อาตมาจึงหันไปศึกษาวิชาความรู้ต่าง ๆ รวมทั้งคาถาอาคมจากพระครูคุณวุฒิพิเศษ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์และผู้เคารพนับถือ โดยเฉพาะวิชาหัวใจ 108 ทำให้รู้ถึงขั้นตอนและกรรมวิธีการทำน้ำมันงา ที่มีพุทธคุณด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด อยู่ยงคงกระพัน อาศัยเรียนกับโยมชื่อ นายเสียง เป็นคนหมู่บ้านหนองโพง ที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องหนังเหนียว ปืนยิงไม่ออก มีดฟันไม่เข้า ทีแรกโยมพาลูกชายมาฝากไว้กับอาตมาที่วัดเพื่อให้เรียนวิชา แต่ลูกชายแกไม่สนใจ แกกลัววิชาจะสูญหาย จึงถ่ายทอดให้อาตมาจนหมดไส้หมดพุง ก็ไม่คิดว่าจะได้นำมาใช้”พระครูสังฆกิจบูรพา หรือ พระอาจารย์บัว กล่าวด้วยสีหน้าเปี่ยมด้วยความเมตตาและเล่าต่อว่า “สมัยก่อนนักเลงมีเยอะ โดยเฉพาะพวกคนมีสีชอบรังแกชาวบ้าน อาตมาก็ทำพระเครื่องขึ้นมาแจกให้ญาติโยมพกติดตัว จนไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับทหาร ถูกชักปืนจ่อยิง เหลือเชื่อ ปืนไม่ลั่น จนสามารถจับทหารดำเนินคดีติดคุกได้ จากนั้นมาชาวบ้านรู้ข่าวก็เดินทางมาขอของดี ก็แจกจนหมดไม่มีเหลือ เป็นเรื่องแปลกเหมือนกัน เมื่อก่อนทำใส่ไว้ในพานตั้งทิ้งไว้บนศาลาไม่เห็นมีใครสนใจอยากได้เลย พอลือว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้พักเดียวมาเอาไปจนหมดเกลี้ยงเลย”
อย่างไรก็ตาม นอกจากของดีที่หลาย ๆ คนเสาะแสวงหาแล้ว พระครูสังฆกิจบูรพา หรือพระอาจารย์บัว ยังได้รับการขนานนามว่า “เทพเจ้าแห่งโชคลาภ” ภาคตะวันออกอีกด้วย เนื่องจาก เคยมีลูกศิษย์มาเยี่ยมเยียนและนำคำสอนของหลวงพ่อไปตีเป็นเลข เด็ดเสี่ยงโชค ปรากฏว่าถูกหวยรวยกันเละมาแล้ว พอท่านทราบเข้าก็ได้แต่ยิ้มและยืนยันไม่ได้สนับสนุนบอกใบ้ให้เลขใครทั้งสิ้น ถือว่าใครที่มีโชคลาภแล้วแต่บุญวาสนาของแต่ละคน นายแก่นเพชร ช่วงรังษี ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ก็เป็นผู้ที่ใกล้ชิดหลวงพ่ออีกคนหนึ่ง ให้สัมภาษณ์ทีมงานของเราว่า หลวงพ่อท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่น่านับถืออีกรูปหนึ่งในจังหวัด หลายคนมองว่าท่านให้เลขเด็ดแม่นนั้น ขอบอกไว้เลยอย่าไปขอเสียให้ยาก ท่านไม่เคยสนับสนุนใครให้เล่นการพนันหรือเสี่ยงโชคทั้งสิ้น ท่านเคยพูดว่ามันเป็นสิ่งงมงาย ส่วนใหญ่ชาวบ้านที่มากราบท่านจะมาถวายสิ่งของ หรือขอของดี หรือให้พรมน้ำมนต์เพื่อเป็นสิริมงคล ท่านก็ไม่เคยขัดศรัทธา แต่มีบางรายหัวใสจำคำพูดหรือกิริยาท่าทางไปตีเลขเด็ดเสี่ยงโชคถูกก็มี ไม่ถูกก็มี มีแต่หลวงพ่อแนะนำให้ชาวบ้านขยันหมั่นเพียร มีความอดทน ใจต้องสู้ หากคนเราใจมันท้อถอยก็แพ้เลย ยิ่งไม่ขยันทำงานทำการก็อยู่ไม่รอดแน่ ต้องพยายามประหยัดและอดออมกันจะได้มีเงินใช้จ่าย อย่าไปงมงายกับเลขเด็ดเลย นั่นเป็นเพราะบุญเก่าและแต่ละคนมีโชคลาภวาสนาไม่เหมือนกัน
จ.อ.บุณณะ บุญกิตติเจริญ อดีตทหารเรือเลือดน้ำเค็ม ศิษย์เอกก้นกุฏิของหลวงพ่อหัวร่อร่า ให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า ตนลาออกจากราชการทหารตั้งแต่ปี 2516 ย้ายมาอยู่ข้างวัดแห่งนี้หลายปีและคอยรับใช้หลวงพ่อมาตลอด ที่ผ่านมา ท่านจัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นหลายแบบให้ญาติโยมเช่าบูชาหารายได้บูรณะและพัฒนาวัด เท่าที่จำได้ก็มี
1. พระผงสี่เหลี่ยมเล็ก พิมพ์เจริญพร เนื้อว่านสีดำ หลังพลอย ปัจจุบันไม่มีแล้วและหายากมาก พวกลูกศิษย์จะหวงกันมาก
2. พระผงสี่เหลี่ยมใหญ่ พิมพ์เจริญพร เนื้อว่านสีดำ
3.พระปิดตาเจริญพร พิมพ์ใหญ่ เนื้อว่านสีดำ รุ่น 1 ลักษณะคล้ายกับพระปิดตาวัดอ่างศิลา
4. พระปิดตาเจริญพร พิมพ์เล็ก เนื้อผงดำ รุ่น 1 ลักษณะคล้ายกับพระปิดตาวัดอ่างศิลา
5. พระปิดตาหน้าทองพรายกุมาร
6. เหรียญนั่งพาน
7. ตะกรุดโทนยาว 5 นิ้ว รุ่นแรกสร้างเพียง 99 ดอก รุ่นนี้เคยมีประสบการณ์ กำนันชื่อดังเคยพกติดตัวไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทในร้านอาหาร แต่ปืนคู่อริยิงไม่ออก จากนั้นมาจึงมีการสร้างรุ่น 2 ขึ้นมาอีก 1,000 ดอก นอกจากนี้ยังมีตะกรุดโทนยาว 3 นิ้ว สร้างไว้ 600 ดอก
8. เหรียญรูปเหมือนรุ่น 1 หน้าหนุ่ม
2. พระผงสี่เหลี่ยมใหญ่ พิมพ์เจริญพร เนื้อว่านสีดำ
3.พระปิดตาเจริญพร พิมพ์ใหญ่ เนื้อว่านสีดำ รุ่น 1 ลักษณะคล้ายกับพระปิดตาวัดอ่างศิลา
4. พระปิดตาเจริญพร พิมพ์เล็ก เนื้อผงดำ รุ่น 1 ลักษณะคล้ายกับพระปิดตาวัดอ่างศิลา
5. พระปิดตาหน้าทองพรายกุมาร
6. เหรียญนั่งพาน
7. ตะกรุดโทนยาว 5 นิ้ว รุ่นแรกสร้างเพียง 99 ดอก รุ่นนี้เคยมีประสบการณ์ กำนันชื่อดังเคยพกติดตัวไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทในร้านอาหาร แต่ปืนคู่อริยิงไม่ออก จากนั้นมาจึงมีการสร้างรุ่น 2 ขึ้นมาอีก 1,000 ดอก นอกจากนี้ยังมีตะกรุดโทนยาว 3 นิ้ว สร้างไว้ 600 ดอก
8. เหรียญรูปเหมือนรุ่น 1 หน้าหนุ่ม
ปัจจุบันวัตถุมงคลพวกนี้ยังพอหาเช่าบูชาได้“ของพวกนี้มีประสบการณ์มาแล้วทั้งนั้น ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ประมาณปี พ.ศ. 2527 ทหารเรือทะเลาะกับทหารอากาศ ยิงปืนใส่ 3 นัด แต่ยิงไม่ออก ตำรวจเก็บลูกปืนไว้เป็นหลักฐาน เมื่อคดีสิ้นสุดลองเอามายิงดู ปรากฏว่าลั่นเปรี้ยงทุกนัดเลย อีกรายปี พ.ศ. 2542 ชาวบ้านเช่าพระปิดตาพิมพ์เล็กไปลองเอาปืนอาก้ายิงใส่หลายนัด แต่ไม่ถูกองค์พระสักนัดเดียว ตั้งแต่บัดนั้นก็ขึ้นคอบูชาติดตัวมาตลอด วันหนึ่งเขาไปธุระฝั่งประเทศเพื่อนบ้านแล้วถูกจับตัวเรียกค่าไถ่ โทรศัพท์บอกแม่ให้นำเงินไปจ่ายค่าไถ่ แต่แม่ไปผิดเวลาเขาเลยถูกคนร้ายใช้ปืนกลยิงใส่ แต่ไม่เป็นอะไรเลย มีเพียงจุดแดง ๆ คล้ายผึ้งต่อยเต็มตัว โดยมีรอยกระสุนปืนอยู่ 1 นัด แม่ถามว่าหนังเหนียวนี่ แล้วนัดนี้ทำไมถึงยิงเข้าล่ะ ลูกชายก็บอกว่าเขานึกด่าพวกนั้นในใจ เพราะรำคาญที่รุมยิงกันอยู่ได้ เท่านั้นเองกระสุนเจาะเลือดพุ่งเลย แม่ได้ฟังก็รีบพาลูกไปโรงพยาบาลและพาไปกราบหลวงพ่อ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อแต่เป็นความจริง นอกจากนี้มีทหารอากาศมาฝึกบินใกล้ ๆ วัด หลายคนบอกเห็นหลวงพ่อนั่งสมาธิบนก้อนเมฆด้วย ฝึกเสร็จมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์กันแน่นวัดเลย หลวงพ่อท่านก็ไม่ว่าอะไรหยิบน้ำมันงาดิบแจกคนละ 1 ขวดให้ไว้ พกติดตัว” อดีตทหารเรือ กล่าว
ภาพวัตถุมงคล ที่หลวงปู่บัวอธิฐานจิตปลุกเสก
สุดมหัศจรรย์ วันหล่อ “พระพุทธนิมิตพิชิตมาร” หลวงปู่บัว ตราด เดี่ยวองค์เดียวโดด ๆ
เหมือนดังทุกปีที่ผ่านมาจนเข้าปีที่ ๓๔ วันศุกร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๒ คณะศิษย์หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ได้ร่วมกันทำบุญระลึกถึงหลวงปู่ทิมดังเช่นทุกปีมาแล้ว ยังได้ประกอบพิธีกรรมบุญพิเศษที่ยิ่งใหญ่ขึ้นอีก สองรายการ คือ หนึ่ง ร่วมกันทอดกฐินสามัคคีโดยมอบให้ผมและคุณมานิดาเป็นประธานจึงได้บอกบุญไปยังศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย ให้ร่วมกันหาปัจจัยเพื่อก่อสร้างพระมหาเจดีย์ภาวนาภิรัตให้แล้วเสร็จได้ปัจจัยรวมทั้งสิ้นกว่า ๑,๖๐๐,๐๐๐ บาท เป็นปัจจัยของทางศิษย์พัทยา ๖๕,๐๐๐ บาท บุญที่สามคือ ร่วมกันหล่อพระพุทธนิมิตพิชิตมารขนาดหน้าตัก ๖๕ นิ้วขึ้นมาหนึ่งองค์เพื่อเป็นพระประธานในมหาเจดีย์ที่ร่วมกันสร้างมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ และจุดหมายอีกอย่างหนึ่ง คือเพื่อบรรเทาเหตุร้ายที่เกิดขึ้นกับประเทศชาติให้สงบเบาบางลงไป
ในงานใหญ่ครั้งนี้ มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก ได้สร้างวัตถุมงคลขึ้นมาเพื่อตอบแทนผู้ร่วมบริจาคปัจจัยในการทอดกฐินสามัคคี เพราะถ้าจัดกฐินอย่างทั่วไปแล้ว คงจะได้ปัจจัยไม่มากอย่างเช่นนี้
การเททองหล่อพระพุทธนิมิตพิชิตมารได้หล่อที่ลานวัดละหารไร่ ที่เดียวกับการหล่อพระกริ่งชินบัญชรเมื่อ ๓๕ ปีก่อน เพราะอยู่ในระยะเวลาที่มรสุมห่าฝนที่ตกทั่วจังหวัดระยอง เว้นแต่ที่วัดที่ไม่ตกแต่เมฆหมอกปกคลุมจนตั้งเต็นซ์รับแขกและบริเวณกองวัตถุมงคล เมื่อได้ฤกษ์เททองฝนโปรายมาเบาๆ ทุกคนคิดว่า ฝนตกแน่ๆคงหนีไม่พ้น นอกจากฝนไม่ตกแล้วท้องฟ้าเวลาประมาณ ๑๓.๐๐ น.เศษก็เปิด ถ้าเงยหน้าดูก็จะเห็นพระอาทิตย์ทรงกรด อากาศเย็นสบายไม่ร้อนอบอ้าว งานก็เป็นไปอย่างเรียบร้อย ปลอดโปร่งสะดวกทุกอย่าง จนคณะของมูลนิธิหลวงปู่ทิมฯเก็บของจะกลับกรุงเทพฯ เพียงคลุมผ้าใบรถเสร็จ ฝนก็ตกลงมาอย่างกับเทน้ำเทท่า
สำหรับการปลุกเสก ครั้งนั้นหลวงปู่ทิม ท่านปรกปลุกเสกเดี่ยวโดด ๆ ครั้งนี้ผมก็ต้องการให้ปลุกเสกเดี่ยวองค์เดียวตามแบบฉบับของหหลวงปู่ทิม “ชาติเสือต้องหาเนื้อกินเอง” โดยผมนิมนต์พระอาจารย์บัว วัดศรีบุรพาราม จังหวัดตราด มานั่งปรกปลุกเสกเดี่ยวโดดๆ แต่อาจารย์เชย เจ้าอาวาสวัดละหารไร่ท่านท้วงว่า “พระเกจิบ้านเราลูกศิษย์หลวงพ่อ (หมายถึงหลวงปู่ทิม) ก็ยังมีอยู่ ต้องนิมนต์ท่านมาร่วมด้วย เมื่อเททองหล่อพระใหญ่เสร็จแล้วก็มอบให้เป็นเรื่องของชินพร”
สำหรับการปลุกเสก ครั้งนั้นหลวงปู่ทิม ท่านปรกปลุกเสกเดี่ยวโดด ๆ ครั้งนี้ผมก็ต้องการให้ปลุกเสกเดี่ยวองค์เดียวตามแบบฉบับของหหลวงปู่ทิม “ชาติเสือต้องหาเนื้อกินเอง” โดยผมนิมนต์พระอาจารย์บัว วัดศรีบุรพาราม จังหวัดตราด มานั่งปรกปลุกเสกเดี่ยวโดดๆ แต่อาจารย์เชย เจ้าอาวาสวัดละหารไร่ท่านท้วงว่า “พระเกจิบ้านเราลูกศิษย์หลวงพ่อ (หมายถึงหลวงปู่ทิม) ก็ยังมีอยู่ ต้องนิมนต์ท่านมาร่วมด้วย เมื่อเททองหล่อพระใหญ่เสร็จแล้วก็มอบให้เป็นเรื่องของชินพร”
เมื่อเททองหล่อพระพุทธนิมิตพิชิตมารเสร็จแล้ว หลวงพ่อบัว หรือพระอาจารย์บัว ของฮิใหญ่ ตราด ท่านได้เมตตานั่งปรกปลุกเสกเดี่ยวประจำทิศบูรพา หรือตะวันออก ต่อหน้ากองวัตถุมงคลที่คณะผมจัดเตรียมไว้หน้าท่าน และได้อาราธนาให้ท่านปลุกเสกต่อไปเพียงองค์เดียว เมื่อพระเกจิศิษย์หลวงปู่ทิมกลับแล้ว หลังจากหล่อพระประธานเสร็จ ท่านรับปากยินดีทำให้เพราะท่านเคารพนับถือหลวงปู่ทิม เป็นครูบาอาจารย์องค์หนึ่ง แม้แต่พระกริ่งมงคลมหาเศรษฐีท่านก็ยังใช้พระกริ่งชินบัญชรมาเป็นแบบ ซึ่งกำลังดังและเป็นที่แสวงหากันอยู่ ผู้ที่ผิดหลังในการจองต้องซื้อหากันในราคาสูงกว่าเดิมถึง ๓ เท่าตัว พระกริ่งมงคลมหาเศรษฐีของท่านอาจารย์บัว เนื้อทองคำที่มีถึง ๔๑ องค์ มีผู้เช่าบูชาไปแล้วถึงองค์ละแสนกว่าบาทขึ้นไป
หลวงพ่อบัว ซึ่งน่าจะเรียกท่านว่า หลวงปู่บัว เพราะท่านจะมีอายุย่างเข้า ๘๔ ปีหรือ ๗ รอบในปี ๒๕๕๓ ท่านนั่งสงบนิ่งไม่ไหวติงหน้ากองวัตถุมงคลทั้งหมดที่ผมสร้าง ผู้คนต่างรุมล้อมรอบตัวท่านอย่างแน่นขนัด อีกทั้งโฆษกเมาน้ำลายก็ส่งเสียงรบกวนอยู่ใกล้ๆท่านๆก็นั่งอย่างสงบปลุกเสกเดี่ยวองค์เดียวโดดๆ คุณเนาว์ นรญาณ นักเขียนหนุ่มผู้สนใจเรื่องอภิญญาได้เชิญ เด็กหนุ่มนักปฏิบัติธรรมศิษย์ก้นกุฎิหลวงพ่อแนม วัดเขาหนอ ซึ่งคุณเนาว์ เชื่อว่ามีหูทิพย์ ตาทิพย์ ได้ยินได้เห็นและรู้อะไรที่ตาเนื้อธรรมดาไม่อาจเห็นได้ โดยคุณเนาว์ได้พิสูจน์พ่อหนุ่มคนนี้มาหลายครั้งหลายหนจนเชื่ออย่างสนิทใจ ว่าเห็นจริงและรู้จริง หลังจากหลวงปู่บัว เจิมลังเหล็กลังเดียวกับที่เอาพระกริ่งชินบัญชรใส่ให้หลวงปู่ทิมปลุกเสกเมื่อ ๓๕ ปีที่แล้ว คุณเนาว์มาพูดกับผมว่าแปลก! พิธีนี้นอกจากครูบาอาจารย์ เทพพรหมฝ่ายไทยแล้วยังมีเทพพรหมฝ่ายจีนมากันมืดฟ้ามัวดิน ซึ่งไม่เคยมีพิธีใดทำได้มาก่อน โดยเฉพาะบูเช็กเทียนฮ่องเต้ ซึ่งเป็นเทพองค์ใหญ่ฝ่ายจีนได้มากราบหลวงปู่บัวด้วย เพราะหลวงปู่บัวท่านไม่ใช่พระสงฆ์ธรรมดา ท่านใสเป็นแก้วไปหมดทั้งตัวแล้ว คงจะหมายถึงท่านหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวงแล้ว คุณเนาว์ยังถามผมว่าทำไมผมจึงอัญเชิญได้ถึงขนาดฝ่ายมหายานต้องลงมาร่วมพิธีด้วย คงเป็นเพราะความตั้งใจของผมนอกจากผมจะเอาพระยันต์จีนสมัยโบราณซึ่งมีบุรุษนิรนามส่งมาให้ใส่เตาหลอมลงไปด้วยแล้ว ผมยังเผาเครื่องบูชา แก้วแหวน เงินทอง ลงไปในเตาสุมไฟทั้ง ๓ เตาด้วยและให้สิงโตคณะศิษย์หลวงปู่ทิม เชิดสิงโตถวาย เทพฝ่ายมหายานจึงมาร่วมด้วย
จากตาในที่รู้เห็นจนบอกว่า หลวงปู่บัว ใสเป็นแก้วหมดทั้งตัวแล้ว พวกเขาจึงมาตามผมไปสร้างพระกริ่งของท่านซึ่งสร้างขึ้นครั้งแรก-ครั้งเดียว และก็เป็นครั้งสุดท้าย ผมเลยบอกไปว่า หลวงปู่บัวท่านให้ศิษย์มาขอให้ผมช่วยเปลี่ยนฐานบัว เป็นบัวเล็บช้าง แต่ให้คงพระพักตรชินบัญชรไว้ด้วย ทั้งท่านเจาะจงให้ผมเป็นคนสร้างพร้อมทั้งเมตตาตั้งชื่อพระชุดนี้ว่า “มงคลมหาเศรษฐี” โดยเททองติดต่อกัน ๒ วัน ๓ คืน พระทุกองค์ทุกเนื้อเททองหล่อกันในวัดศรีบุรพาราม ท่ามกลางฝนตกหนักทั่วภาคตะวันออก เว้นแต่ที่วัดเท่านั้นที่ไม่ตก เททองหล่อกันในวันที่ ๑๐-๑๑-๑๒ เมษายน ๒๕๕๒ ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเกิดครบ ๘๓ ปีเต็มของท่าน แต่พระของท่านก็จองกันหมดตั้งแต่ ๕ มกราคม ๒๕๕๒ หลังจากเปิดให้สั่งจองได้ไม่กี่วัน ผู้ที่ลังเลไม่จองก็ต้องซื้อใบจองแพงกว่าเดิม ๒-๓ เท่า พระกริ่ง, พระชัยวัฒน์, พระสังกัจจายน์ และพระปิดตาปุ้มปุ้ย กรรมการวัดทำตัวเลข, โค๊ต และอุดผงปิดก้นเองทั้งหมดภายในวัด เชื่อได้แน่นอนว่า ไม่มีเสริม ไม่มีเกิน และพระชุดนี้ต้องดังระเบิดแน่ๆ เหมือนที่หลวปู่ทิมเคยพูดไว้ “พร เขาจะทำพระกริ่งดังขึ้นมาอีกครั้ง” และก็น่าจะเป็นครั้งนี้
การสร้างพระชุดพุทธนิมิตพิชิตมารนี้ ผมไม่ได้คิดจะสร้างพระขุนแผนพรายกุมารพิมพ์ใหญ่ขึ้น เพราะพระขุนแผนรุ่นบรมครู ๓๒ และรุ่นแต้เม้งพิมพ์ใหญ่ยังเหลืออยู่ ที่หมดก็มีแต่ขุนแผนรุ่นสากหักที่สร้างแจกกฐินที่วัดพงเสลี่ยง จังหวัดสุโขทัยเท่านั้น งานนี้ผมจึงเว้นการสร้างพระขุนแผนพรายกุมารพิมพ์ใหญ่ คงมีแต่พระขุนแผนพุทธนิมิตพิชิตมารพิมพ์เล็กหลังยันต์จินดามณีเพิ่มหัวใจพระฉิมและคาถาพุทธนิมิตที่หลวงปู่ทิมท่านใช้
จนเช้ามืดวันอังคารที่ ๑๕ กันยายนที่ผ่านมา ผมก็ตัดสินใจจะสร้างพรายกุมารในรูปแหวนขึ้นมา เรียกว่า “แหวนพราย” เพื่อให้ทันเข้าพิธี ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๒ แต่โรงปั๊มบอกทำให้ไม่ทัน ผมก็เลยนึกถึงหุ่นเทียนที่ถอดแบบจากพระกริ่งชินบัญชรเดิมแต่ย่อขนาดให้เล็กลงอีก ๓๐% ถ้าเข้ากระบอกเททองได้ก็น่าจะทันพิธี ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๒ และโรงหล่อขุน-ชิน ก็ทำให้ทัน เททองหล่อเสร็จนำเข้าพิธีปลุกเสกพระกริ่งปรโม วัดจุกกะเฌอ ชลบุรีเมื่อวันอังคารที่ ๒๙ กันยายนได้ทันพอดี เสร็จพิธีแล้วก็เอามาเจาะก้นอุดผงให้เหมือนพระกริ่งชินบัญชรก้นอุดผงพรายกุมาร ซึ่งราคาล่าสุดเช่าบูชาองค์หมายเลข ๕๖ ไปถึง ๖๐๐,๐๐๐ บาท และองค์หมายเลข ๙ เจ้าของตั้งไว้ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท มีผู้ให้แล้ว ๙๐๐,๐๐๐ บาทเจ้าของยังไม่ตกลง และพระกริ่งพรายบัวผุดที่สร้างขึ้นมาครั้งนี้ราคาเพียงองค์ละ ๑,๐๐๐ บาท พุทธคุณและพลังพรายที่แอบหนุนอยู่ก็ไม่แพ้กัน แต่ราคาต่างกันราวฟ้า-ดิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ หรือ ๖๐๐,๐๐๐ เทียบกับเพียง ๑,๐๐๐ บาท ท่านไม่เก็บไว้บ้างหรือ? อย่าให้เหมือนพระกริ่งชินบัญชรที่หลวงปู่ทิมเคยกล่าวเป็นอมตะวลีไว้ว่า “อีกหน่อยพลิกแผ่นดิน หาก็ไม่เจอ”
พระกริ่งพรายบัวผุด วัตถุอาถรรพ์ด้านในสุดนอกจากเส้นผมพรายเด็กอ่อนที่ผสมสีผึ้งชุดสุดยอดของหลวงปู่ทิม เพื่อให้ผมพรายเกาะติดกับสีผึ้งไม่ปลิวหาย ที่หลวงปู่ทิมท่านทำเองและมอบให้ผมกับคุณเพียรวิทย์ เพียง ๒ คน แล้วยังเอาทรายในกระบะที่รองรับน้ำเมื่อเวลาหลวงปู่ทิมท่านล้างหน้า นานไม่รู้กี่สิบปีและกระบะใส่ทรายนี้เอง ผงพลีขอทรายและดินจากแม่พระธรณีมากำมือหนึ่ง เพื่อผสมดินทรายในกระถางธูปเอามาผสมกับผมพรายบรรจุไว้ด้านในสุด แล้วปิดทับอีกชั้นหนึ่งด้วยผงพรายกุมารผสมว่าน๑๐๘ ที่ผบ.เรือนจำอุดรฯทำให้ แล้วยังมีดินอาถรรพ์ร้อยหมื่นสังขารที่ชมรมแพทย์จังหวัดสงขลาให้มา ตลอดจนดินอาถรรพ์จากถ้ำขุนแผนที่เมืองกาญจน์ และผงดินเก่าตรงที่ขุนแผนย่างกุมารผสมลงไปด้วยแล้วปิดแผ่นทองคำเปลวที่มีผู้มาแก้บนกับรูปหล่อหลวงปู่ทิมที่มูลนิธิฯ (ปิดที่ก้นบ้างก็มี ไม่ปิดทองก็มี) พร้อมนำโค๊ตกดไว้ในองค์ที่ผงยังไม่แข็ง แต่ในบางองค์ที่ผงแข็งแล้วก็ไม่ได้กดโค๊ตไว้ สร้างทั้งหมด ๒๒๒๒ องค์ เลข ๒๒ เป็นเลขอาถรรพ์ พระเครื่องสำคัญๆของหลวงปู่ทิมต้องสำเร็จด้วยเลข ๒๒ ซึ่งยังเป็นปริศนาอยู่ กริ่งพรายบัวผุดนำออกให้บูชาองค์ละ ๑,๐๐๐ บาทพร้อมมอบใบอนุโมทนาบัตรว่า ได้มอบพระกริ่งพรายบัวผุด หมายเลข ..... ให้เป็นที่ระลึกในการทำบุญสมทบทุนเข้ามูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก
ท่านที่ผิดหวังจาการบูชาพระกริ่งมงคลมหาเศรษฐีของหลวงปู่บัว จะบูชาพระกริ่งพรายบัวผุด ไปไว้ใช้แทนกันก็ได้ นอกจากหลวงปู่บัวจะเสกเดี่ยวแล้ว ผมยังบรรจุสุดยอดของท่านคือ น้ำมันผสมลงไปในผงพรายที่ใช้อุดก้นด้วย เมื่อท่านปลุกเสกองค์เดียวแล้วท่านยังเจิมฝาบนหีบเหล็กที่บรรจุพระกริ่งพรายบัวผุดให้เป็นพิเศษอีกด้วย เหมือนท่านเห็นว่าภายในมีอะไร และหีบเหล็กใบเดียวกันนี้ที่ใส่พระกริ่งชินบัญชรให้หลวงปู่ทิม ปลุกเสกเมื่อ ๓๕ ปีที่แล้ว ... ไม่ขลังก็ไม่รู้จะว่าอะไรแล้ว!!!
ท่านที่ผิดหวังจาการบูชาพระกริ่งมงคลมหาเศรษฐีของหลวงปู่บัว จะบูชาพระกริ่งพรายบัวผุด ไปไว้ใช้แทนกันก็ได้ นอกจากหลวงปู่บัวจะเสกเดี่ยวแล้ว ผมยังบรรจุสุดยอดของท่านคือ น้ำมันผสมลงไปในผงพรายที่ใช้อุดก้นด้วย เมื่อท่านปลุกเสกองค์เดียวแล้วท่านยังเจิมฝาบนหีบเหล็กที่บรรจุพระกริ่งพรายบัวผุดให้เป็นพิเศษอีกด้วย เหมือนท่านเห็นว่าภายในมีอะไร และหีบเหล็กใบเดียวกันนี้ที่ใส่พระกริ่งชินบัญชรให้หลวงปู่ทิม ปลุกเสกเมื่อ ๓๕ ปีที่แล้ว ... ไม่ขลังก็ไม่รู้จะว่าอะไรแล้ว!!!
พระกริ่งพรายบัวผุดทั้ง ๒,๒๒๒ องค์ เสกเดี่ยวโดดๆโดย หลวงปู่บัว หรือพระครูสังฆกิจบูรพา วัดเกาะตะเคียน จังหวัดตราด พระอริยสงฆ์ที่ดับกิเลส จนใสเป็นแก้วไปทั่วทั้งองค์แล้ว เมื่อ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๒ ณ มณฑลพิธี วัดละหารไร่ ระยอง
ในงานวันคล้ายวันมรณภาพครบ ๓๔ ปีของหลวงปู่ทิมครั้งนี้ บรรดาเซียนทั้งน้อยใหญ่ต่างมาชุมนุมแลกเปลี่ยนซื้อขายกันเป็นแสนเป็นล้าน แต่มี ฟู-ผมยาว เพียงคนเดียวที่ออกพระขุนแผนพรายกุมารพิมพ์เล็กไป ๑๔๐,๐๐๐ บาท แล้วช่วยกฐินสามัคคีผ่านผมมา ๕,๐๐๐ บาท อนุโมทนาและขอให้ขายดียิ่งขึ้นไป เพราะเรื่องแบบนี้หลวงปู่ท่านไม่ว่า ... เป็นเรื่องของโลก
แปลกที่สุดในงานนี้ คือ การนำชื่อเจ้าเพลงลูกชายของพัฒนา บุญอนุกูล เอาลูกอม ๓ ลูกและปลัดตอกโค๊ตเลข ๓ ฝากเซียนพระมาให้ผมพร้อมใส่กล่องของขวัญ เมื่อเปิดดูกลายเป็นของเก๊ทั้งหมด เพราะลูกอมผงพรายกุมารของแท้ไม่มีการตอกโค๊ตเลข๓ ลงในเนื้อลูกอม (เว้นแต่ลูกอมเทียนชัยมัทรี ที่มีวิธีการสร้างอย่างพิสดาร และมีจำนวนน้อย ซึ่งมีบางลูกในส่วนของคุณเอี๊ย-พัฒนา บุญอนุกูล ที่ได้ปั๊มโค๊ตเลข๓ ไว้ในเนื้อลูกอม เพราะเนื้อลูกอมเทียนมัทรีมีความอ่อนนุ่ม แต่ก็มีวิธีการดูแยกแยะ ... ดูภาพประกอบ)
ส่วนปลัด ๒ ตัวที่ใส่มาด้วยในกล่องก็ผิดทั้งเนื้อไม้ และจาร แต่โค๊ตทำได้ใกล้เคียง ทราบว่าโดนกันไปทั่วถ้วนทั้งเซียนใหญ่เซียนเล็ก ในเวปไซต์ก็เผยแพร่ขายกันอย่างไม่อายฟ้าอายดิน
วัตถุมงคลที่นำเข้าสุดยอดพิธี ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๒ มีดังนี้
๑. พระพุทธนิมิตพิชิตมาร ขนาด ๕ นิ้ว บูชาองค์ละ ๔,๐๐๐ บาท สร้าง ๒๐๐ องค์
๒. พระพุทธนิมิตพิชิตมาร ลอยองค์ขนาดห้อยคอ เนื้อนวะสร้าง ๔๙๙ องค์ๆละ ๕๐๐ บาท,
เนื้อทองแดง สร้าง ๙๙๙ องค์ๆละ ๓๐๐ บาท ทุกองค์เจาะก้นอุดผงดั่งเดิมของหลวงปู่ทิม
๓. เหรียญเสมาพุทธนิมิตพิชิตมาร หลังรูปหลวงปู่ทิม ล้อมยันต์สาระพันกัน
๓.๑ เนื้อทองคำ สร้างตามจอง เหรียญละ ๓๐,๐๐๐ บาท (ปิดจองแล้ว ... รวมเหรียญทองคำทั้งสิ้นได้ ๓๐ เหรียญ ) หมด
๓.๒ เนื้อเงิน สร้าง ๓๐๔ เหรียญ เฉพาะกรรมการ (ไม่มีให้บูชา)
๓.๓ เนื้อนวะโลหะ สร้างประมาณ ๑,๑๙๙ เหรียญๆละ ๕๐๐ บาท หมด
๓.๔ เนื้อทองแดง สร้าง ๘,๔๐๐ เหรียญๆละ ๒๐๐ บาท
๔. แผ่นสตุ แผ่นยันต์สาระพัดกันหลวงปู่ทิม ขนาด ๖ นิ้ว , ๕.๕ ซ.ม. , และ ๓.๘ ซ.ม.
ราคา ๓๕๐,๒๐๐, ๑๐๐ บาทตามลำดับ (ขนาด ๓.๘ ซ.ม. บูชา ๑๐๐ บาท หมดแล้ว)
๕. พระขุนแผนพุทธนิมิตพิชิตมาร พิมพ์เล็กเนื้อผงพรายกุมาร จำนวน ๒,๙๙๙ องค์ๆละ ๑๐๐ บาท
(มีสีดำ, ขาว, แดง) ใกล้หมด สีขาวหมดแล้ว
๖. เหรียญจอบหลวงปู่ทิม สร้าง ๘,๔๐๐ เหรียญ บูชา ๕๐ บาทขึ้นไป
๗. สาริกาคู่ ไม้มะยมตายพราย จารหัวใจหงษ์ทองคู่ แช่ในน้ำมันพรายมหาเสน่ห์ บูชา ๒๐๐ บาท
หลังเดือนพฤศจิกายนซึ่งเลยวาระกฐินอาจปรับเป็นบูชา ๕๐๐ บาท
(คณะศีลเจพรต มีศรัทธาสร้างถวาย)
๘. ล็อกเก็ตเจริญพร ฐานปูปลา “ครูทิม” ศิษย์ผู้สร้างๆขึ้นจำนวน ๑๐๘ องค์ เพื่อบูชาครู
จึงไม่มีให้ เช่า แต่ผู้สร้างได้แบ่งมาเพื่อสบทบกฐินวัดละหารไร่ปี๒๕๕๒ จำนวน ๑๐องค์
โดยตั้งใจมอบแก่ผู้ที่ทำบุญเข้ากฐิน ตั้งแต่ ๓,๕๐๐ บาทขึ้นไปมอบให้ ๑ องค์ ... หมดแล้ว
เรื่องเล่า ประสบการณ์ต่าง ๆ ของผู้บูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่บัว
ประสบการณ์จากพระกริ่งและพระชัยฯ มงคลมหาเศรษฐี หลวงปู่บัว ของผมคือ ผมมีปัญหากับเจ้านาย ถึงขั้นค่อนข้างจะรุนแรง สถานการณ์ย่ำแย่ร่วมเดือนเลยทีเดียว เมื่อวานนี้ผมเลยอาราธนาพระกริ่ง พระชัย หลวงปู่บัว โดยใช้คำอาราธนา "พุทธังอาราธนานัง ธรรมังอาราธนานัง สังฆังอาราธนานัง อุกาสะอาราธนานังกะโรมิ" ที่ได้จากท่าน pantip Afro Afro Afro และขอขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับท่าน ... และผมก็ไม่ลืมบอกพ่อพราย สากหักด้วย ว่าขอให้เรื่องทั้งหมด ทุกอย่างจบลงเสียที ขอให้จบด้วยดีถ้าผมจะต้องอยู่ต่อที่เดิม หรือไม่ก็ขอให้ผมได้ย้ายไปเลย ... Cool Cool Cool Victory Victory Victoryเมื่อวานเจ้านายผมไม่อยู่เลยทั้งวัน ประชุมยาว แต่ปรากฏว่าประชุมช่วงบ่ายถูกยกเลิกไป 1 match โดยปกติแกก็จะยุ่งมากๆ มีคนเข้าออกที่ห้องอยู่ตลอดเวลา เมื่อวานนั่งอยู่คนเดียว ผมก็เลยเข้าไปขอเคลียร์ ... แล้วก็เปิดใจคุยกันหมดเปลือก ผมก็ขอโทษแกในสิ่งที่ผมผิด แกถึงกับน้ำตาซึมและพูดกับผมดีมากๆ ตลอดการสนทนา ไม่มีทีท่าว่าโกรธเคืองผมอยู่เลย ... Yes Yes Yes (เป็นประสบการณ์เก่าของคุณเจริญพรคับ)
ต่อมา เป็นประสบการณ์ของคุณ โชคอนันต์ วันนี้ ผมขอเล่าประการณ์พระกริ่งที่เพิ่งเกิดวันนี้ให้ฟังครับวันนี้ผมไปซ้อมยิงปืนที่สนามนวมินทร์ ร.21 ชลบุรี ไปกัน 4 คน ช่วงระหว่างซ่อมยิงปืนกันอยู่ ก็คุยกันเรื่องพระเครื่อง ผมก็พูดถึงพระกริ่งหลวงปู่บัว ว่าศักดิ์สิทธิ์ มีประสบการณ์ เพื่อนๆผมต่างไม่เชื่อก็เลยก็เลยท้าทายผม ผมก้อเลยอาราธนาสร้อยพระที่ผมคล้องคออยู่ ซึ่งบอกกล่าวอารธนาพระกริ่งหลวงปู่บัวว่า ขอขมาทดลองยิง ถ้าศักดิ์สิทธิ์จริงขอให้ยิงไม่ออก แล้วผมก็แขวนสร้อยไว้กับที่แขวนเป้าระยะห่าง 10 เมตร โดยเพื่อนผมเป็นคนยิง โดยใช้ปืน บราเร็ตต้าขนาด 9 ม.ม. กระสุนที่เหลือจากการซ่อมยิงแล้ว 4 นัด ซึ่ง เพื่อนผมเป็นคนตรวจสอบและบรรจุแม็ก จากนั้นเพื่อนคนที่ท้าก็ยิง โดยนัดแรก ปรากฏว่า กระสุนด้าน ยิงไม่ออก ค้างอยู่ในรังเพลิง เพื่อนก็ส่งให้ผมยิง โดยการที่ผมง้างนกแล้วยิงซ้ำไปอีกครั้ง ปรากฏว่ายิงไม่ออกอีก ผมจึงสไลด์ลูกทิ้งลูกที่ยิงไม่ออกทิ้ง แล้วขึ้นลำใหม่ แล้วยิงลูกต่อไปอีก ปรากฏว่า ก็ยิงไม่ออกอีก เป็นอย่างนี้ทั้ง 4 นัด ผมจึงหยุดทำการยิง และนำลูกปืนทั้ง 4 นัด มาตรวจสอบ ซึ่งระหว่างการลองยิง มีทหารหลายคนเข้ามาสังเกตุการณ์ และต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ลูกกระสุนทั้ง 4 นั้น มี รอยนกสับ ทุกนัด และลูกที่ใช้ยิง เป็นลูกกระสุนจริงและเพิ่งซื้อมาใหม่ จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทหารที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างถามเป็นเสียงเดียวกันว่า พระอะไร พระกริ่งของใคร ผมก็บอกไปว่าพระกริ่งอาจารย์บัว จ.ตราดแต่ ส่วนใหญ่ทหารเหล่านั้นไม่รู้จัก แต่ผมคิดว่าทหารเหล่านั้นจะไปตามเก็บพระกริ่งรุ่นนี้แน่นอนพระกริ่ง ที่ผมใช้ทดลองยิง เป็นพระกริ่งมงคลมหาเศรษฐี ก้นทองเหลือง ครับ และเหตุการณ์ นี้ทำให้ผมยิ่งศรัทธามากยิ่งขึ้น เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ผม ได้บันทึกภาพถ่ายไว้ทั้งหมด แล้วผมจะนำรูปถ่ายมาโพสไว้ให้เพื่อนๆพิสูจน์ว่าที่ผมกล่าวมาทั้งหมดเป็น เรื่องจริง
ต่อมาเป็นประสบการณ์ของคุณ cprinya เรื่องที่ผมเล่าให้ฟังนี้ เป็นเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งผมมีความจำเป็นต้องเดินทางกลับไปทำธุระที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ก่อนหน้านี้ ไม่เกิน 2 สัปดาห์ ผมพึ่งจะได้รับพระกริ่งมงคลมหาเศรษฐี ของหลวงปู่บัว มา 2 องค์ คือพระกริ่งก้นเงิน กับพระกริ่งก้นทองแดง มาอย่างละ 1 องค์ แบบคนชอบสะสมและมีกำลังทรัพย์ไม่ได้มากมายอะไร แต่อย่างที่ผมเคยบอกไว้ในกระทู้ที่ผ่านๆมาว่า ถ้าไม่สะสมวันนี้ ก็คงไม่มีโอกาส แต่ผมยังไม่เคยมีประสบการณ์อะไรมาก่อน แต่ได้รับประสบการณ์ ความรู้ต่างๆจากพี่ๆน้องๆเรานี่เองในเว็บอิทธิญาโณ ผมก็เลยตัดสินใจเสาะหาและเช่าบูชามา พระที่ผมอาราธนาขึ้นคอวันนั้น คือพระกริ่งมงคลมหาเศรษฐีก้นทองแดง เพราะเป็นองค์ที่เลี่ยมกรอบพลาสติกพร้อมใช้อยู่แล้ว ในขณะที่องค์ก้นเงินยังอยู่ในกล่องแบบยังไม่ได้เลี่ยม ซึ่งหลังจาก เลิกงานและเคลียร์ธุระทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ล่วงเลยเข้าไปเป็นเวลาประมาณเกือบ 3 ทุ่ม หลังจากผมทำธุระทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมได้ทำการอาราธนาพระกริ่งมงคลมหาเศรษฐีก้นทองแดง ขึ้นคอ และได้บอกกล่าวหลวงปู่ว่า ขอให้ลูกหลานปลอดภัยและเดินทางถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ และทำการสวดมนต์สั้นๆ ตามปกติ ตามวิสัยคนไทยเรา ก่อนจะไปไหนมาไหน มักบอกกล่าว อาราธนาคุณพระคุณเจ้าก่อน แล้วก็ได้ออกเดินทางซึ่งตามปกติ ซึ่งเพชรบูรณ์บ้านผม โดยปกติแล้ว จะสามารถเดินทางไปได้อยู่ 2 เส้นทางใหญ่ๆคือ ทางสระบุรีออกไปทางลำนารายณ์ วิเชียรบุรี กับอีกเส้นทางหนึ่งคือ สามารถไปได้ทางแยกสิงห์บุรีและเลี้ยวขาวออกทางแยกตากฟ้า แต่ทางแยกตากฟ้าจะใช้เวลาน้อยกว่าประมาณ 1 ชั่วโมง วันนี้ผมจึงตัดสินใจไปทางสายเอเชียไปทางแยกตากฟ้า เมื่อผมออกเดิน ทางจากบ้านของผม ออกมาได้ประมาณ 5 นาที ซึ่งปกติเส้นทางนี้ ผมจะใช้เดินทางไปทำงานเป็นประจำอยู่แล้ว เมื่อผมเดินทางมาถึงจุดหนึ่งคือจะเป็นจุดกลับรถจุดใหญ่ของอยุธยา ซึ่งจากที่ผมเคยใช้ผ่านไปผ่านมายาวนานพอสมควร ไม่เคยมีปัญหาอะไร ซึ่งวันนี้ก็คิดไว้เช่นนั้น ว่าน่าจะผ่านไปได้สบาย ก็ขับรถไปตามปกติ โดยผมได้ขับรถตามรถกระบะคันนึงไป ซึ่งก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ก่อนจะถึงทางกลับรถ เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นคือ มีกลุ่มขบวนรถตู้ตัดสินใจกลับรถออกมาเป็นกลุ่ม โดยตัดหน้ารถกระบะคันนั้นออกมาแบบกระทันหัน ทำให้รถกระบะคันนั้น ต้องเบรกอย่างทันทีทันใด แบบหน้าทิ่มทีเดียว ซึ่งเป็นธรรมชาติคือ รถผมตามรถคันนั้นมาในระยะห่างจากรถคันนั้นเพียงแค่ประมาณ 10 เมตรเท่านั้น ในชั่วโมงนั้น ก็จะต้องเบรกหน้าทิ่มเช่นกัน วันนั้น ผมนั่งมากับแฟนผม 2 คน ท่านคงทราบว่า ถ้ารถเบรกกะทันหัน จะเกิดการลื่นไถลอย่างรุนแรง เสียงเบรกสลับกับเสียงการลื่นไถลของยางกับถนนดังเอี๊ยดอย่างรุนแรง เอี๊ยดๆๆๆๆๆๆๆ รถเกิดการลื่นไถลเข้าใส่รถคันหน้าอย่างรุนแรง ซึ่งระยะเวลาตรงนั้นน่าจะประมาณไม่เกิน 5 วินาทีโดยประมาณ ถึงแม้จะเป็นเบรก ABS ซึ่งถ้ามีสติสัมปชัญญะ อาจจะต้องเหยียบย้ำๆเพื่อให้รถหยุดได้ในระยะสั้น แต่ท่านที่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้จะรู้ได้ว่า บางอย่างต้องบอกว่า สุดวิสัยครับ เพราะช่วงระยะเวลาสั้นๆตรงนั้น ระยะน้อยว่า 10 เมตร บางอย่างเราควบคุมได้ยากมากๆ รถผมเกิดอาการถไลเข้าหารถกระบะคันนั้นอย่างรวดเร็ว แบบควบคุมไม่ได้แล้ว ณ ช่วงเวลา ตอนนั้น จากประสบการณ์ที่เคยขับรถมานานพอสมควรกว่า 15 ปี เคยชนท้ายลักษณะแบบนี้มาครั้งนึงแล้ว จิตได้สำนึกในวินาทีนั้น บอกได้เลยว่า รอดได้ยาก และพุ่งเข้าไปใส่รถคันนั้น อย่างรุนแรง แต่ๆๆๆๆ ณ วินาทีนั้น ผมจำได้ว่า รถผมไปหยุดอยู่โดยไม่ได้สัมผัสรถคันหน้าคันนั้นเลย หยุดแบบเหลือเชื่อครับ เหมือนกับสโลวโมชั่นยังไงยังงั้น ถ้าให้ผมดูระยะหน้ารถกับรถกระบะคันนั้น ระยะห่างที่หยุดได้ ผมคำนวณได้ว่าระยะห่างน่าจะไม่เกิน 1 เซนติเมตร จริงๆครับพี่ๆน้องๆ (เหมือนกับชนแต่ไม่ชนยังไงยังงั้นครับ) ผมพูดได้ว่า น่าจะชนและไม่รอดไปแล้ว รถของผมไม่ชน แถมโชคดีสุดๆ ไม่มีรถตามมา โอวววว สุดจะบรรยายครับ เหตุการณ์ตรงนี้ หลังจากกลับมาทบทวนแล้ว ผมบอกได้เลยว่ามันอธิบายได้ยาก และผมไม่เคยเจอเหตุการณ์คับคันแบบนี้มานานพอดู เพราะปกติจะค่อนข้างระมัดระวัง แต่กับเหตุการ์สุดวิสัยแบบนี้ ต้องบอกว่า เหลือเชื่อจริงๆครับ ผมเชื่อได้ว่า ด้วยบารมีหลวงปู่ ท่านช่วยผมไว้จริงๆครับ ถ้าไม่เช่นนั้น การเดินทางในคืนนั้น คงสะดุดลงอย่างแน่นอน ซึ่งหลังจากนั้น ผมก็ได้เดินทางไปกลับ ทำธุระทุกอย่างเรียบร้อยและราบรื่น ซึ่งผมยังได้คุยกับแฟนผมว่า บารมีของหลวงปุ่ท่านคงช่วยเราไว้ และแฟนผมที่เห็นเหตุการณ์ก็บอกว่า เหลือเชื่อเช่นกัน และบอกว่าหลวงพ่อท่านคงมาช่วยและเหมือนกับเป็นการเตือนว่า ให้เราขับรถด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ผมต้องบอกว่า หลังจากกลับมาทบทวนดูแล้ว ผมต้องบอกว่า บารมีหลวงปู่ได้ช่วยผมไว้จริงๆครับ
ประสบการณ์จากคุณ lucky 171 ผมมีประสบการณ์แต่ไม่แน่ใจว่าจะเล่าแล้วคนอ่านเข้าใจหรือเปล่าลองอ่านดูนะครับเมื่อ วันอังคาร-พุธ ที่ผ่านมาผมมีธุระต้องไปงานศพที่จังหวัดตาก ก็เลยขับรถพร้อมด้วยครอบครัวไปตั้งแต่บ่ายสามโมงเย็น กะว่ากว่าจะถึงตากก็ดึก แต่มาเกิดปัญหาคือ ผมดันโด๊ปมากไปคือ เอ็มร้อย 1 ขวด +กาแฟ สามกระป๋อง พอหมด กระป๋องที่สามเท่านั้นแหละครับ ผมหน้ามืดเหมือนคนจะช็อกเลย ต้องจอดรถลงมานั่งพักข้างทางตรงนั้นเปลี่ยวก็เปลี่ยวแต่ไปไม่ไหวทั้งๆที่อีก แค่ 17 กิโลก็ถึงแล้ว และแล้วผมก็กัดฟันขับไปต่อจนถึงบ้าน แล้วก็ทานยาและนอนพัก พอตอนเช้าผมตื่นมาอาการหน้ามืดก็ยังเป็นอยู่เป็นระยะๆ ทำให้ผมหนักใจมากเพราะต้องกลับ กทม ในวันนั้นเลยหลังจากเผาศพเสร็จแล้ว จะลางานต่อก็เกรงใจเจ้านาย อีกใจก็เป็นห่วงลูกเมียก็เป็นห่วงเพราะถ้าผมขับรถไปแล้ววูปกลางทางลองคิดดู ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมก็เลยนึกถึงหลวงปู่บัว ในคอมีพระกริ่งก้นทองเหลือง กับล็อกเก็ตของท่านที่ผมเอาน้ำมัน+สีผึ้ง+ดินหล่อพระกริ่งนำฤกษ์ +เกศา+จีวร+เงินขวัญถุงรุ่นมงคลมหาเศรษฐี แล้วอาราธนาท่าน ว่า นะโมสามจบ พุทธังอาราธนานัง ธรรมมังอาราธนานัง สังฆังอาราธนานัง อุกาสะอาราธนานังกโลมิ แล้วขอท่านว่าผมไม่สบายและกลัวว่าตัวเองจะทำให้ลูกเมียเดือดร้อนขออย่าให้ อาการที่ผมเป็นอยู่กำเริบในตอนกลับกรุงเทพเลย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ ตั้งแต่ออกจากตากผมขับรถมา อาการหน้ามืดที่ก่อนจะออกมายังเป็นๆหายอยู่เลย กลับไม่มีเลย มีแต่ง่วงเพราะผมไม่กล้าดื่มกาแฟอีกเลยเพราะกลัวจะไปซ้ำอีก สาธุๆๆๆๆๆ หลวงปู่ท่านช่วยไว้จริงๆ Angelและอีกประสบการณ์จากคุณ lucky 171 วันนี้ก็เลยจะขอเล่าประสบการณ์อีกครั้งครับ เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานี้เองครับ เนื่องจากรถผมเสียลูกปืนแล็กพวงมาลัยแตกจึงต้องเอาไปซ่อมที่ศูนย์แยกบางนา ตั้งแต่เย็นวันอาทิตย์นัดรับรถวันจันทร์เย็น บ้านผมอยู่บางบ่อซึ่งถือว่าห่างกันพอสมควร และตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ลูกสาวผมก็มีอาการไม่สบายวันจันทร์ก็ยังไม่หายผมก็ เลยเป็นห่วงตกลงกับแฟนว่าจะเอาลูกไปโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียนเพราะลูกสาวไปที่นั่นตลอด แต่ผมต้องไปเอารถก่อนวันนั้นกลัวไม่ทันมากเพราะเลิกงาน 5 โมง กว่าจะนั่งแท็กซี่ไปถึงศูนย์ก็ 6 โมงกว่าแล้ว กว่าจะเสร็จก็ เกือบ 6 โมงครึ่ง แล้วออกมากับแฟนมารับลูกที่บ้านที่บางบ่อ กว่าจะถึงก็เกือบทุ่มกว่า ลืมบอกไปครับ โรงพยาบาลส่วนผู้ป่วยนอกเด็กเขาปิดสองทุ่ม ผมก็รีบออกจากบ้านทุ่มกว่าแล้วในใจก็คิดว่าไม่ทันแน่เลยเพราะปกติรถขาเข้า ทางด่วนตรงแยกบางนามักจะติด และสาธรก็มักจะติดมาก ผมจึงใช้มุกเดิมครับคืออาราธนาหลวงปู่ ในคอก็เหมือเดิมครับพระกริ่งก้นทองเหลืองกับล็อกเก็ต บอกท่านว่าลูกช้างเป็นห่วงลูกจริงๆขอให้ทางสะดวกและพาลูกไปทันโรงพยาบาลด้วย เถิด ปรากฎว่า ตลอดทางรถว่างไม่ติดเลยครับจะมีบ้างก็เล็กน้อย ผมไปถึงก่อนเวลา 15 นาทีทันเวลาพอดี ขอบพระคุณหลวงปู่อีกครั้งครับ
และก็อีกประสบการณจากคุณ lucky 171 สวัสดีครับ พี่ๆ เพื่อนๆ ทุกท่าน หยุดสงกรานต์ไป5 วัดพึ่งจะรู้ว่าโลกร้อนนี่มันรุนแรงมากจริงๆ ไม่อยากออกไปไหนเลย แต่ก็มีประสพการพระกริ่งมงคลมหาเศรษฐี มาเล่าจนได้ครับ เรื่องก็มีอยู่ว่า ผมกลับบ้านต่างจังหวัดสงกรานต์นี่แหละ แต่ว่าอากาศมันออกจะร้อนมากไปหน่อย ประมาณ 39-41 องศาในขณะ ขับรถกลับก็แวะไหว้พระ แวะทานข้าว พอถึงบ้าน ปรากฏว่าได้เรื่องเลยครับ ลูกสาวไม่สบายเลยมีน้ำมูกเป็นไข้ตลอดเวลา ทั้งคืนทั้งวัน วันแรก วันที่สองทานยาแล้วก็ไมทุเลาลงเลยผม เครียดมาก อยากกลับ กรุงเทพฯ มากอยากพาลูกเข้าโรงพยาบาลที่เคยเข้าเป็นประจำ แต่ก็เป็นห่วงลูกเพราะการเดินทางไกลๆอาจทำให้เขาทรุดหนักได้ พอวันที่สามผมจึงตัดสินใจอาราธนา พระกริ่งหลวงปู่บัวก้นทองแดง ใส่แก้วน้ำ และอาราธนาหลวงปู่บัวให้ช่วยให้ลูกสาวผมหายจากอาการไม่สบาย ถ้าหายแล้วจะพาลูกสาวไปกราบหลวงปู่ เสร็จแล้วก็เอาน้ำนี้ไปเทใส่กระติกน้ำร้อนที่ใช้ผสมนมให้ลูกผมดื่ม(การกระทำ น้ำมนต์นี้ผมแอบทำตอนกลางคืนไม่ได้บอกใครกลัวว่าเขาจะว่างมงาย)และก็เอาให้ลูก สาวดื่มเล็กน้อยเพราะเขาไม่ค่อยทานอะไร ผลปรากฏว่า คืนนั้นน้ำมูกลดลง อาการไข้ไม่มากเหมือนทุกวัน ลูกสาวผมหลับได้นานขึ้น ตอนกลางวันก็มีไข้บ้างแต่ก็ไม่มาก แต่ที่ชัดคือเขาวิงเล่นได้ ตอนไม่มีไข้จากเดิมอ้อนซึม คืนที่สองแทบไม่มีไข้เลยมีตอนค่อนแจ้งเล็กน้อย พออีกวันผมก็พากลับมากรุงเทพและพาไปโรงพยาบาลคุณหมอบอกว่าเป็นไข้หวัดบวกกับกล่องเสียงและหลอดลมอักเสบและก็จัดยาแก้ไอกับแก้อักเสบมาให้ ตอนนี้ก็แทบไม่มีไข้ วิ่งเล่นสนุกสนาน กะว่าถ้าหายดีจะพาลูกไปกราบท่าน สาธุๆๆๆๆๆ(เป็นความเชื่อส่วนตัวนะครับ ใครอ่านก็พิจารณาก่อนละกันส่วนตัว หลวงพ่อของผมๆนับถือท่าน ก็ต้องเชื่อเป็นธรรมดา)
ประสบการณ์จากคุณ anyang เกี่ยวกับน้ำมันงาของหลวงปู่บัว เมื่อ มกราคม 53 ปีใหม่ที่ผ่านมา มีโอกาส ได้กลับบ้าน ไปกราบหลวงพ่อมา ท่านใจดีมากครับ แววตามีแต่ความเมตตา ญาติโยมไปหาหลวงพ่อเยอะครับ เอาอาหารมาถวาย มากันเรื่อยๆ แต่ดูจากสีหน้าท่านแล้ว ไม่มีหงุดหงิดเลยครับ หลวงพ่อท่านให้พรกับทุกๆคน ทีละคน เอ่ยชื่อของคนที่มาทำบุญถวายอาหาร และปัจจัย ให้พรขอให้มีความเจริญกันทุกๆท่าน ด้วยน้ำเสียงทีมีเมตตาจริงๆครับ เรื่องที่ผมจะเล่านี้ เกี่ยวพันกับ ของที่หลวงพ่อให้มา ก่อนที่ผมจะลากลับครับ เป็นสิ่งของมงคล ที่ผมภูมิใจมากจริงๆ เพราะหลวงพ่อให้เองกะมือ พร้อมกำชับว่า ใช้อันนี้อันเดียวก็พอ เป็นหลอดบรรจุ น้ำมันงา สีผึ้ง และเกศา ขนาดเล็กๆ ซัก 2 ซม.ได้ ได้มาก็เอาไปเลี่ยมทองบางๆ จับขอบบูชา ติดตัวตลอดครับ แล้วของที่หลวงพ่อให้มาชิ้นนี้แหละครับ ลองอ่านดูนะครับ เรื่องมีอยู่ว่า ผมได้ต่อไฟฟ้าเพิ่มเติมภายในบ้าน เกิดเหตุจนได้ครับ ความประมาท ทำให้ผมไม่ว่าได้ยกเบรคเกอร์ลง คิดว่าไม่มีไร ช่วงวินาทีที่ผมใช้มีดปอกสายไฟอยู่นั้น บังเอิญปลายมีด ไปแตะสายไฟทั้งสองเส้นเข้า ประกายไฟ พร้อมเสียงดัง ติ๊ป เปรี๊ยะ ไฟดับทั้งบ้าน หน้ามืดเลยครับ ผมเด้งตกเก้าอี้ลงมาเลย รอดมาได้อย่างไรไม่ทราบ ถ้าจะบอกว่าหลวงพ่อช่วยไว้ ...เป็นประสบการณ์ ที่เล่าให้ฟัง และใช้วิจารณญาน คิด และไตร่ตรอง เหตุและผล ไม่มีเจตนาอื่นใดครับ
ประสบการณ์เนื้อทองแดงพิมพ์ใหญ่ ผมมีประสบการณ์ดีๆมาบอกกับเพื่อนสมาชิก ที่มีโอกาสได้ครอบครองวัตถุมงคลของหลวงปู่บัว ไม่ว่าจะเป็นพระกริ่งมงคลมหาเศรษฐี ที่เป็นสุดยอดพระกริ่ง พ.ศ.นี้ หรือวัตถุมงคลรุ่นอื่นๆตั้งแต่ท่านเริ่มสร้างมา นั้นถือได้ว่ามีคุณค่าทั้งสิ้นเพียงแค่ว่าต่างกันแค่ราคาและค่านิยมเท่านั้น ส่วนเรื่องพุทธคุณนั้นเหมือนกันคือเมตตามหานิยม แคล้วคลาด โชคลาภ แต่สิ่งที่ผมจะเล่าต่อไปนี้มันเกี่ยวกับเหรียญๆหนึ่งที่ไม่มีราคามากมายอะไรเลย แต่พุทธคุณนั้นสุดยอดคับ เรื่องมีอยู่ว่าผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งเขาอยู่ แถวบางพลีใหญ่สมุทรปราการเรื่องเกิดเมื่อวานนี้เองคับตอนประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆระหว่างที่ผมกลับจากกินขาวที่ร้านอาหารเสร็จก็แยกย้ายกันตัวผมก็ ขับรถกลับบ้านส่วนเพื่อนผมบ้านอยู่แถวนั้นก็ขี่มอเตอร์ไซค์กลับหลังจากที่ผม กำลังขับรถจะถึงเคหะบางพลี เพื่อนผมก็โทรมาบอกผมว่ามึงมาหากูที่บิ๊กซีหน่อย ผมจึงถามว่าทำไม มันบอกว่ากูโดนรถกระบะชน ผมจึงบอกไปว่าเดี๋ยวกูไปเลยแล้ว มึงเป็นอะไรหรือเปล่ามันบอกว่ากูไม่เป็นอะไร จนผมไปถึงที่เกิดเหตุก็เห็นรถจอดอยู่ข้างทางแล้ว ดูสภาพรถที่ชนแล้วไฟหน้าแตกกันชนด้านขวาคนขับแตกฝากระโปรงหน้าบุบแต่ไม่มาก ส่วนรถจักรยานยนต์เพื่อนผมซิคับ พังยับเลยแต่ตัวมันไม่มีแผลแต่อย่างไรเลย มีแค่เพียงเจ็บที่แขนกับขาเท่านั้นผมจึงถามมันว่าชนยังไง มันบอกว่ารถกระบะมันแซงรถอีกคันมาส่วนตัวมันกำลังจะกลับรถโชคดีที่รถกระบะมัน เบรคและหักหลบแล้วแต่ก็ยังไม่พ้น (ผมถามคนขับรถกระบะมาคับ) จึงเกี่ยวชนท้าย มอเตอร์ไซค์ พอตำรวจเอารถไปโรงพักแล้วผมก็ขับรถกลับไปส่งเพื่อนผมแล้วถามว่า ไปโรงบาลไหมมันบอกว่ากูไม่เป็นอะไรผมจึงแซวว่าแขวนพระดีนี่หว่าพระอะไรว่ะ มันบอกว่าก็พระที่มึงให้กูมาไง กูเพิ่งเอาไปเลี่ยมแขวนเมื่อไม่กี่อาทิตย์นี้เอง นั่นคือเหรียญนั่งพานพิมพ์ใหญ่เนื้อทองแดงที่ผมเช่ามาจากหมอนะในราคา 300 บาทคับวันนี้ผมจึงโทรหาหมอนะว่ามีเหรียญนั่งพานอีกไหม หมอนะบอกว่ามีคับแต่ อยู่ในโบสถ์ต้องไปเอาออกมา ผมจึงรู้ได้เลยว่าพระนี้อยู่ในโบสถ์มานานแล้วตลอดกว่าสิบปี รวมทั้งเมื่อไม่นานนี้ยังได้มีพิธีเสาร์ 5 อีก ผมว่าเพื่อนสมาชิกท่านใดที่ไม่มีโอกาสได้บูชาพระกริ่งมงคลมหาเศรษฐีหรือมี ทุนน้อยผมว่าเหรียญนั่งพานนี้ใช้แทนกันได้นะคับแล้วราคาก็ยังไม่แพงด้วยคับ แถมยังได้ทำบุญอีกต่างหาก
ผมต้องออกตัวก่อนว่าประสบการณ์ที่จะเล่านี้ไม่ใช่ประสบการณ์ตรงของผมนะ ครับ แต่เป็นของเพื่อนที่ เป็นทหาร ประจำอยู่ในเขต "red โซน บริเวณแยกบ่อนไก่ " ที่ได้คุยกันทางโทรศัพท์เมื่อวันอาทิตย์ ทราบรายละเอียดไม่มาก เอาแบบคร่าวๆก็แล้วกัน คือ เมื่อคืนวันเสาร์เวลาประมาณ ตี 3 เพื่อนผมได้ออกลาดตระเวรบริเวณรอบๆ ฐานบังเกอร์ของทหาร เดินตรวจตามซอยต่างๆในบริเวณแยกบ่อนไก่ ในช่วงที่ออกลาดตระเวรก็มีเพียงเสียงประทัด ดังเป็นระยะๆ แต่เหตุเกิดตอนที่กำลังจะกลับที่ฐาน ในจังหวะที่กำลังจะออกจากซอย เพื่อนบอกว่าตอนกำลังจะออกจากซอย มีเสียงระเบิดดังขึ้นที่บริเวณปากซอยหนึ่งครั้ง หน่วยของมันก็เลยหลบเข้าข้างกำแพงเพื่อรอดู และระหว่างที่กำลังรอดูเหตุการณ์ ก็มีเสียงวัตถุตกมาจากฟ้า กระทบกับประตูเหล็กหน้าบ้านแล้วตกลงมา ที่พื้นดังก๊อก ตรงที่เพื่อนผมนั่งอยู่พอดี (มานบอกว่ากลิ้งอยู่ข้างๆตรีนมันเลย) ตอนแรกเพื่อนผมบอกว่านึกว่าเป็นพวกก้อนหิน แต่พอมันเอาไฟฉายส่องดู มันบอกกรูแทบช็อค เพราะเป็นลูก ระเบิด m 79 มันบอก แต่โชคดีที่ไม่ทำงาน มันบอกว่าไอ้ลูก m 79ลูกแรก นี้อาจฟลุ๊คไม่ทำงานได้ แต่ที่มันบอกว่ามันมั่นใจว่าหลวงปู่ช่วยมันก็คือ ลูกระเบิด m 79 ลูกที่สองที่ยิงมาตกข้างๆตู้โทรศัพท์ ในขณะที่มันกำลังเดินกลับ ฐาน ระยะห่างระหว่างตัวมันกับตู้โทรศัพท์ห่างกันไม่ถึง 5 ก้าว แต่ก็ไม่ทำงานอีก มันบอกว่าโดนติดๆ กันสองลูก แล้วก็รอดมาได้ทั้งสองลูกแบบนี้ ไม่ได้โชคช่วยแน่ๆ ฟังแล้วก็จับใจความได้ประมาณเนี่ยอ่ะครับ มันบอกว่าทุกครั้งที่ออกปฏิบัติหน้าที่จะอาราธนา พระชัย กับ น้ำมันงา ของหลวงปู่บัวติดตัวตลอดแล้วก็ขอให้หลวงปู่คุ้มครอง ให้รอดปลอดภัย เหตุการณ์สงบเมื่อไหร่ มันบอกว่าจะขอไปกราบหลวงปู่ที่ตราด เนี่ยแหละคับเป็นเพราะบารมีหลวงปู่บัวที่ปลุกเสกวัตถุมงคลไว้ให้สำหรับ บรรดาลูกศิษย์ของท่านที่นำไปใช้ติดตัว
นี้เป็นประสบการณ์ของคุณแสนเสน่ห์ มีประสบการณ์กับ พระปิดตามหาลาภก้นตะกรุดทองคำ สร้าง 299 องค์ ของอาจารย์บัว วันนี้ไปช่วยเขายกเครี่องยนต์ออกจากรถ แล้วหมาที่เขาล่ามไว้หลุดมากัด กัดผมคนเดียวที่ขาขวา เจ็บแต่กัดไม่เข้า ห้อยพระปิดตาก้นตะกรุด ทองคำอาจารย์บัว สีผึ้ง น้ำมัน
ประสบการณ์ใหม่ที่เพิ่งเกิดกับผมเกี่ยวกับพระกริ่งมงคลมหาเศรษฐีที่ผมเพิ่ง ได้มาคือว่าเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธุ์ 2553 เวลาประมาณ 21.00น ผมได้เดินทางกลับจากจังหวัดตราด พอดีผมเพิ่งไปกราบหลวงปู่มา ระหว่างเดินทางกลับก็ไม่มีอะไรแต่ผมมาถึงบริเวณอำเภอบางบ่อ ผมก็ขับรถมาประมาณ 160 กว่าบนทางด่วน ผมขับรถมาเลนซ้ายสุดผมก็ได้เห็นคนยืนบนขอบกำแพงกันทางด่วน แล้วโบกมือให้ผมหลบ ผมจึงตีไฟสูงก็เห็นสิ่งหนึ่งบนถนนผมจึงแตะเบรคแล้วหักหลบ สิ่งที่ผมเห็นคือศพคนนอนอยู่บนพื้นระหว่างเลนผมกับเลนกลาง สภาพที่ผมเห็นนั้นคือเขามีแค่ท่อนบนเท่านั้น ผมจึงหลบพ้นแล้วผ่านไปได้แต่ที่น่าแปลกคือรถที่ ตามผมมาด้วยความเร็วเหมือนกันเบรครถดังมาก แล้วหยุดตรงนั้นไม่สามารถผ่านไปได้ จึงทำให้ผมไม่มั่นใจว่าผมเหยียบโดนเขาหรือเปล่า พอผมลงทางด่านจ่ายเงิน จึงถามคนเก็บเงินว่าเกิดอะไรขึ้นเขาบอกว่ามีคนพลัดตกจากรถแล้วโดนรถชน เขาว่าน่าจะเละนะ พอผมถึงบ้านก็รีบลงไปดูว่าชนหรือเหยียบเขาหรือเปล่าปรากฏว่าไม่โดน แล้วแฟนผมที่นั่งมาด้วยถามผมว่าเองเห็นได้ไง ผมบอกว่าก็มีคนยืนโบกมือให้หลบไงไม่เห็นหรอ แฟนผมตอบว่าไม่เห็นแต่สิ่งที่ทำให้ผมสงสัยคือทำไม่รถคันที่ตามมา ผ่านมาไม่ได้แล้วทำไม่ผมจึงผ่านมาได้โดยไม่ได้ชนเขาเลยแล้วถ้าผมหลบไม่ทัน คงจะมีอุบัติเหตูอีกแน่ แล้วใครละที่จะกล้ามายืนโบกรถบนขอบทางด่วนใกล้ศพ ทั้งที่มูลนิธิก็ยังไม่มา ถ้ามาเขาต้องกันรถเก็บศพแล้วใช่ไหมคับ ผมว่าน่าจะเป็นบารมีของพระกริ่งมงคลมหาเศรษฐีที่ผมเพิ่งบูชามา ผมว่าไม่ใช่แค่ท่านเด่นเรื่อง โชคลาภแล้วด้านแคล้วคลาดก็มีครบคับก็เลยบอกคุณพันทิพย์ ไปว่า ผมเฉลียวใจตั้งแต่แรกก่อนออกจากวัดแล้วว่า ทำไมวันนี้หลวงปู่ท่านพยายามที่จะชวนผมนั่งคุยต่ออีก ทั้งที่ผมก็มากราบท่านหลายครั้งและทุกครั้งท่านก็ไม่เคยชวนคุยต่อ พอเสร็จธุระที่ผมตั้งใจมาหา ท่านก็จะกลับไปนั่งที่โต๊ะของท่านต่อโดยไม่ได้สนใจอะไร แต่วันนี้กลับแปลกชวนผมคุย แต่ผมคุยได้แค่นิดเดียวก็รีบลากลับ จนกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ที่ชนหมาดำ คุณพันพิทย์บอกว่า ถ้าหลวงปู่ไม่ช่วยไว้ อาจจะเกิดเหตุการณ์รถพลิกคว่ำได้ เพราะ รถวิ่งมาเร็วมาก ที่ 150 และชนเข้ากับหมาดำตัวใหญ่อย่างจัง และหมารอดเข้าใต้ท้องรถ และล้อขวาด้านหน้าและด้านหลังได้เหยียบเข้าอย่างจัง จนรถลอยและเอียง และคุณพันทิพย์ยังรู้สึกเหมือนว่ามีอะไรมากดด้านหน้าไม่ให้ลอย ซึ่งทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดีไม่มีอุบัติเหตุร้ายแรง ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้พวกผมยิ่งศัทธาในตัวหลวงปู่มากเพิ่มขึ้นไปอีก ผมยังคิดว่าถ้าพวกผมกลับเลยโดยที่หลวงปู่ไม่ดึงเวลาไว้สักนิด อาจจะทำให้รถคุณพันทิพย์เป็นรถคันแรกที่ชนหมาดำ แทนที่จะเป็นรถปิคอัพ และอาจจะเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงก็เป็นไปได้ คุณพันทิพย์บอกว่าถ้าหลวงปู่ไม่ช่วยคงแย่แน่ๆนี่ก็เป็นเหตุการณ์ระทึก ขวัญอีกเหตุการณ์หนึ่งซึ่งไม่อยากได้เกิดซึ่งคุณพันทิพย์แขวนกริ่งมงคลมหา เศรษฐี ก้นทองคำ พรผงประทานพร สีผิ้น น้ำมันงา ของหลวงปู่บัว เป็นประสบการณ์ที่เกี่ยวกับผมและคุณโชคอนันต์ ผมจะมาเล่าเหตุการณ์อีกเรื่องตอนกลับจากวัดหลวงปู่บัว หลังจากที่พวกผม (ผม น้องชายผม เพื่อนคุณพันทิพย์ และคุณพันทิพย์) รวมทั้งหมด สี่คน ลากราบหลวงปู่บัวกลับ คุณพันทิพย์เป็นคนขับรถ มาสด้า 3 ซึ่งช่วงเวลานั้นเป็นเวลาเย็นมากแล้วเกือบจะ หกโมงเย็น และจากตอนที่ที่ผมบอกว่า หลวงปู่บัวยิ้มให้และพยายามชวนผมคุยต่อ แต่เนื่องจากเย็นมากแล้วก็เลยรีบลาหลวงปู่บัวกลับ โดยไม่ได้สนทนากับท่านต่อ คุณพันทิพย์ ก็ขับรถโดยใช้ความเร็วสูงมาก ประมาณ 160-180 กม ต่อ ชม ระหว่างขับมาถึงจันทบุรี ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน โดยคุณพันทิพย์ ขับรถตามรถปิกอัพ ช่วงวินาทีนั้น รถปิคอัพคันหน้าได้พุ่งชน หมา และหมาตัวนั้นได้รอดใต้ท้องรถปิคอัพมา เมื่อมาถึงรถของคุณพันทิพย์ ก็เลยชนเข้าเต็มที่ที่ด้านหน้ารถ ซึ่งขณะนั้นผมนั่งอยู่เบาะหลัง ซึ่งไม่ได้มองทางข้างหน้า แต่รู้สึกว่าชนกับอะไรเข้าอย่างแรง และ ล้อหลังด้านขวาได้เหยียบสิ่งนั้น และลอยขึ้นอย่างสูง ซึ่งตอนนั้นผมตกใจและหันไปมองด้านหลัง ก็เห็น หมาดำตัวใหญ่ ลอยหมุนติ้วอยู่กลางอากาศ และรถของคุณพันทิพย์ก็ตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรง ซึ่งช่วงที่ชนความเร็วขณะนั้นอยู่ประมาณ 150 กม ต่อ ชม หลังจากนั้นคุณพันทิพย์ก็จอดแวะปั้ม ดูความเสียหายเบื้องต้น ก็พบว่า สปอยเลอย์ด้านหน้าแตก ก็คิดว่าแค่นั้น หลังจากนั้นก็ขับกลับมาส่งผมที่ชลบุรีและคุณพันทิพย์ก็ขับกลับบ้าน แต่ในวันนี้คุณพันทิพย์ได้โทรมาคุยกับผม ถึงเหตุการณ์ตอนที่ชนหมาดำ ผมก็ถามถึงรถเค้า เค้าก็บอกว่า รถยนต์ของเค้าเสียหายมาก ที่คิดว่าแค่สปอย์เลอย์ด้านหน้าแตก แต่ไม่ใช่แค่นั้น ตัวยึดสปอย์เลอย์ แตกหักทั้งด้านขวาและด้านซ้าย แท่นยาง โช๊คไฮโดริก ด้านหน้าแตก และเสียหายอีกหลายจุด ต้องนำรถเข้าอู่พรุ่งนี้ ผมก็คุยกับคุณพันทิพย์ต่อ ว่า ตอนที่ชนหมาดำตัวใหญ่ผมรู้สึกว่า ล้อรถด้านหลังลอยขึ้น ส่วนคุณพันทิพย์บอกว่า ตอนที่ชนนั้น เค้าเหยียบเบรกไม่ทันแล้วเพราะมาเร็วมาก เห็นแค่ อะไรไม่รู้ลอยลอดใต้ท้องรถคันหน้ามา พอหลุดมาก็ชนเลย ซึ่งตอนที่ชนก็ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างมา กด ด้านหน้าของรถไม่ให้ยกขึ้น ส่วนล้อยังที่ลอย คุณพันทิพย์ยังไม่รู้สึกเลยว่าล้อหลังลอย ผมบอกเค้าเองว่า ล้อหลังลอยสูงเพราะผมนั่งเบาะหลังจึงรู้สึกได้อย่างดีผม ก็เลยบอกคุณพันทิพย์ไปว่า ผมเฉลียวใจตั้งแต่แรกก่อนออกจากวัดแล้วว่า ทำไมวันนี้หลวงปู่ท่านพยายามที่จะชวนผมนั่งคุยต่ออีก ทั้งที่ผมก็มากราบท่านหลายครั้งและทุกครั้งท่านก็ไม่เคยชวนคุยต่อ พอเสร็จธุระที่ผมตั้งใจมาหา ท่านก็จะกลับไปนั่งที่โต๊ะของท่านต่อโดยไม่ได้สนใจอะไร แต่วันนี้กลับแปลกชวนผมคุย แต่ผมคุยได้แค่นิดเดียวก็รีบลากลับ จนกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ที่ชนหมาดำ คุณพันพิทย์บอกว่า ถ้าหลวงปู่ไม่ช่วยไว้ อาจจะเกิดเหตุการณ์รถพลิกคว่ำได้ เพราะ รถวิ่งมาเร็วมาก ที่ 150 และชนเข้ากับหมาดำตัวใหญ่อย่างจัง และหมารอดเข้าใต้ท้องรถ และล้อขวาด้านหน้าและด้านหลังได้เหยียบเข้าอย่างจัง จนรถลอยและเอียง และคุณพันทิพย์ยังรู้สึกเหมือนว่ามีอะไรมากดด้านหน้าไม่ให้ลอย ซึ่งทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดีไม่มีอุบัติเหตุร้ายแรง ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้พวกผมยิ่งศัทธาในตัวหลวงปู่มากเพิ่มขึ้นไปอีก ผมยังคิดว่าถ้าพวกผมกลับเลยโดยที่หลวงปู่ไม่ดึงเวลาไว้สักนิด อาจจะทำให้รถคุณพันทิพย์เป็นรถคันแรกที่ชนหมาดำ แทนที่จะเป็นรถปิคอัพ และอาจจะเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงก็เป็นไปได้ คุณพันทิพย์บอกว่าถ้าหลวงปู่ไม่ช่วยคงแย่แน่ๆ
ประสบการณ์เกี่ยวกับภาพถ่ายหลวงปู่บัว เรื่องมีอยู่ว่า มีแหม่มมาเที่ยวพักผ่อนที่เมืองไทย โดยเจาะจงมาพักที่เกาะช้าง วันนั้นแหม่มสาวแต่งชุดเล่นน้ำประมาณว่านุ่งน้อยห่มน้อย ปิดหน้านิดปิดหลังหน่อย คงอยากเก็บภาพถ่ายเป็นที่ระลึก จะหามุ่มที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองไทย บังเอิญเหลือบไปเห็น รูปถ่าย 4 สีของหลวงปู่บัว ที่เจ้าของรีสอร์ท ใส่กรอบไว้บูชา แหม่มสาวเห็นเป็นภาพพระสงฆ์ ทั้งมีอักขระขอม ล้อมรอบดูแปลกตาและมีเสน่ห์แบบไทย ๆ จึงโพสต์ท่าสวยให้เพื่อนถ่ายรูป กะจะเก็บไว้เป็นที่ระลึกว่ามาเที่ยวเมืองไทย แต่เมื่อถ่ายเสร็จ ภาพที่ออกมามีแต่ภาพแหม่มสาวนุ่งน้อยห่มน้อยเท่านั้น ส่วนภาพหลวงปู่บัวในกรอบหายไป จึงเป็นข่าวเกรียวกราวไปทั่วจังหวัดตราด
ประสบการณของคุณ chotanan วันนี้ผมมีเรื่องเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับพระกริ่งให้ฟัง สองเดือนก่อนผมได้เจอเพื่อนผมซึ่งเปิดบริษัททำเกี่ยวกับการประมูลงานกับ หน่วยงานของรัฐ ซึ่งเค้ามาบ่นให้ผมฟังเกี่ยวกับฐานะการเงินว่าไม่ค่อยดี (ประสบภาวะขาดทุนต่อเนื่อง) ผมก็เลยแนะนำพระกริ่งให้เค้าบูชาดู โดยให้เพื่อนผมไปหาเช่าเอาเอง ผมไม่ได้แบ่งให้ หลังจากนั้น เมื่อไม่กี่วันนี้ เพื่อนผมได้โทรมาขอบใจผมเป็นอย่างมาก ผมก็แปลกใจเลยถามเค้า เค้าบอกว่าจำพระกริ่งหลวงปู่บัวที่ผมแนะนำให้เค้าไปหาเช่าบูชาได้ไหม ผมบอกว่าจำได้ และบอกเค้าไปว่าตอนนี้ราคาแพงมากเลยนะ เค้าบอกว่ารู้แล้ว เค้าบอกว่า หลังจากได้บูชาพระกริ่งหลวงปู่บัวแล้ว เนี่ย มีงานประมูลงานหนึ่งซึ่งจะต้องแข่งขันกันหลายบริษัท ซึ่ง เพื่อนผมก็ไม่มั่นใจ เพราะ ในเงือนไขการประมูลงานมีกำหนดรายละเอียดปลีกย่อย ซึ่งจะมีเกี่ยวกับฐานะการเงินของบริษัท ซึ่งเพื่อนผมก็บอกว่า เป็นงานประมูลที่ ยากมาก เพราะถ้าพิจารณาจากฐานะบริษัทแล้ว ยากที่จะผ่าน เพราะมีบริษัทอื่นที่มีฐานะการเงินดีกว่ามากหลายบริษัท และวันเปิดซองประมูล งาน เพื่อนผมอาราธนาพระกริ่งหลวงปู่บัว ว่าขอให้ช่วยชนะงานประมูลและได้เซ็นสัญญา เพื่อที่จะได้รายได้ซึ่งเป็นเงินหลักล้านบาท มาช่วยเจือจุลฐานะบริษัทได้ ( ถ้าได้งานบริษัทก็รอดจากการปิดตัว แต่ถ้าไม่ได้ ก็ต้องปิดตัว) ซึ่งผมปรากฏว่า เพื่อนผมชนะการประมูลและได้เซ็นสัญญาว่าจ้างแล้ว เพื่อนผมดีใจมากก็เลยโทรมาบอกผม และเค้ายังได้บอกว่า เค้าได้เช่าพระกริ่งหลวงปู่บัว มาอีกหลายองค์ (แจกให้พี่น้องเค้า) และล่าสุด เค้าบอกว่า เช่าพระกริ่งก้นอุดผง มาในราคาที่ผมตกใจเลย แต่ผมบอกว่าแพงมาก เมื่อเทียบกับราคาเดือนกุมภาที่ผมบอกให้เพื่อนผมไปเช่ามา (เดือนกุมภา เพื่อนผมเช่ามา หนึ่งหมื่น ห้าพัน) ซึ่งเพื่อนผมบอกว่า เค้าเชื่อและศรัทธาโดยสนิทใจเลยว่า เป็นเพราะบารมีหลวงปู่บัวและพระกริ่งที่ทำให้เค้าชนะงานประมูลและเซ็นสัญญา ว่าจ้างได้ ดังนั้นพระที่มีประสบการณ์ขนาดนี้ แล้ว เค้าสู้ไม่ว่าราคาจะแพงแค่ไหน
ประสบการณจากคุณ paiboon k อาจเป็นเพราะแรงศรัทธาที่มีมาก จึงสามารถทำให้ได้พบความอัศจรรย์ใจได้มากเช่นกันครับ ผมก็เริ่มมีความรู้สึกดีๆเช่นกัน ผมทำการค้าขายยอดขายเดือนนี้ตกลงมากในช่วงต้นเดือนถึงกลางเดือน จึงขออาราธนาพระกริ่งมงคลมหาเศรษฐีขึ้นคอเดี่ยวเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง ปรากฏว่า มีงานเข้าให้ทำเช้าถึงค่ำหลายวันติดๆ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ ท่านที่มีลองอาราธนาขอพรบ้างสิครับ ว่าจะดีจริงหรือไม่ ก่อนเชื่อจงพิสูจน์ด้วยตนเองครับ Wink Wink Grin
Boy bangbon
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น